• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - dsmol19

#2841


เรื่องของโควิด-19 ภายในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดการลงทุนในสัปดาห์นี้ สถานการณ์ล่าสุดในวันอาทิตย์ผู้ติดเชื้อต่อวันยังคงเห็นการพุ่งขึ้น และทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หากอิงข้อมูลการติดเชื้อต่อวันจาก World Meter พบว่า การติดเชื้อของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 ของจำนวนประเทศที่ World Meters เก็บรวบรวมทั้งหมด 222 ประเทศ

ขณะที่ปัจจุบันจำนวนการติดเชื้อของประเทศไทยเริ่มเห็นการกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น หากมาดูข้อมูลล่าสุดจาก ศบค. พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 100% มาจากต่างจังหวัดที่ไม่รวมปริมณฑลถึง 59% ซึ่งเร่งตัวขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้าราวกลาง ก.ค. ที่ 46% บ่งชี้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดไปเริ่มกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เรากังวลและตลาดยังไม่ตอบรับคือการยกระดับมาตรควบคุมมากขึ้นในต่างจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการระบาด แต่การยกระดับจะเป็นลบกับเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่ม Downside Risk ต่อประมาณการ จึงแนะนักลงทุนติดตามใกล้ชิดเกี่ยวกับการระบาดของต่างจังหวัด ดังนั้น จากการระบาดที่ยังมีความเสี่ยงทำให้ประเมิน SET ยังเสี่ยงอ่อนตัวกรอบ 1,520-1,560

สำหรับการส่งออกในเดือน มิ.ย. ขยายตัว 44%YoY นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี หลักๆ เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและฐานปี 20 ที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ +78%YoY เครื่องใช้ไฟฟ้า +42%YoY แผงวงจรไฟฟ้า +33%YoY เคมีภัณฑ์ +47%YoY สินค้าเกษตร +60%YoY มองเป็นบวกต่อ (AH DELTA HANA KCE NER PTTGC SAT) อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังต้องติดตามการระบาดโควิด-19 ที่หลายประเทศเผชิญการระบาดอีกครั้ง และบางประเทศที่เกิดการระบาดเป็นคู่ค้าหลักของไทย เช่น สหรัฐฯ (15%) ASEAN (13.4%) ญี่ปุ่น (9.8%)

ปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุสัปดาห์นี้จะมี SCC PTTEP GLOBAL รายงานผลประกอบการ (2) ประชุม FED ในวันพฤหัสบดี แต่เชื่อว่าไม่มีนัยอะไรมากเนื่องจาก Policy ยังน่าจะคล้ายประชุมครั้งก่อน

กลยุทธ์การลงทุน การลงทุนระยะสั้นควรเลือกหุ้นที่ผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด เช่น ส่งออก (ASIAN DELTA HANA KCE NER TU) สื่อสารและโรงไฟฟ้า (ADVANC BGRIM BCPG GPSC GULF) รวมถึงได้ประโยชน์จากโควิด-19 เช่น โรงพยาบาล (BCH CHG) พร้อมแนะยังคงเน้นการถือครองเงินสดมากขึ้น

KCE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 90 บาท) คาดผลการดำเนินงาน 2Q21E ที่ 531 ล้านบาท (+644%YoY และ 6%QoQ) โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากรายได้ที่ขยายตัวสู่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 71%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 2020 และเพิ่มขึ้น 7%QoQ ตามจำนวนวันดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นราคาขาย
URL
 13
 
#2842



นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ลงนามออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรเส้นทางบินให้กับผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือนในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564

โดยได้ทำการปลดล็อคเปิดโอกาสให้สายการบินสามารถขออนุญาตทำการบินเข้า-ออกสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา –ระยอง- พัทยา เพิ่มเติม จากเดิมที่กำหนดให้มีสายการบินให้บริการได้ไม่เกิน 3 ราย เพราะสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา -ระยอง -พัทยา เป็นเส้นทางสายย่อย ที่มีผู้โดยสารใช้บริการไม่ถึง 1 แสนคนต่อปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 ต.ค. 2564 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง


สำหรับการออกประกาศดังกล่าว เพื่อต้องการเพิ่มทางเลือกและบรรเทาปัญหาการเดินทางให้กับผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาและเพื่อประโยชน์สาธารณะ ในการส่งเสริมให้มีการใช้บริการขนส่งทางอากาศที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

รวมถึงช่วยบรรเทาผลกระทบของสายการบินให้สามารถดำรงสถานะทางการเงินและให้บริการประชาชนต่อไปได้ ในช่วงที่สายการบินไม่สามารถบินรับ-ส่งผู้โดยสาร เข้าหรือออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ซึ่งรัฐบาลประกาศควบคุมเที่ยวบินเข้าออก ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อยกระดับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้สายการบินใดสนใจที่จะทำการบินที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ก็สามารถยื่นขออนุญาตได้มากกว่า 3 สายการบิน โดยจะเป็นการอนุญาตให้บินแบบประจำ มีกำหนดเวลาการทำการบินรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งขณะนี้กำหนดให้บินจนถึงแค่วันที่ 30 ต.ค.2564


อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสายการบินนกแอร์ได้แจ้งขอเริ่มทำการบินที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยยื่นขอจำนวน 5 เส้นทาง คือ เชียงใหม่ สกลนคร อุดรธานี อุบลราชธานี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช อีกทั้งล่าสุดสายการบินไทยเวียตเจ็ท ได้แจ้งขอเปิดทำการบินเช่นกัน โดยจะเริ่มทำการบินเที่ยวแรก วันที่ 2 ส.ค. นี้ รวม 1 เส้นทาง คือ อู่ตะเภา-ภูเก็ต

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ท่าอากาศยานอู่ตะเภามีสายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ และบางกอกแอร์เวย์ส ทำการบินอยู่ก่อน และได้ยกเลิกการทำการบินชั่วคราวไปอย่างไม่มีแผนกำหนด ว่าจะกลับมาเปิดบินอีกครั้งเมื่อไหร่ ขณะที่สายการบินไทยสมายล์ ไม่สนใจที่จะเข้ามาทำการบินเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีสถานีให้บริการภาคพื้นที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
#2843


เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นนักการทูตประเทศไหนก็มักต้องเรียนภาษาประเทศนั้นเพื่อการสื่อสารที่ลึกซึ้งกับประชาชนเจ้าของพื้นที่ จึงไม่แปลกใจหากเอกอัครราชทูตต่างชาติหลายคนพูดภาษาไทยได้ แต่ไม่ใช่กับ "อัลลัน แมคคินนอน" เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย

เขาผู้นี้เรียนภาษาไทยตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาโดยยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งจะได้มาเป็นทูตในเมืองไทย 

เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ (29 ก.ค.) กรุงเทพธุรกิจ คุยกับทูตออสเตรเลียถึงเบื้องลึกเบื้องหลังและประสบการณ์สนุกๆ ในการเรียนภาษาไทย เริ่มต้นจากสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจ ทำไมถึงเลือกเรียนภาษานี้ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า การเลือกเรียนภาษาไทยเรียกได้ว่า "แทบจะเป็นเรื่องบังเอิญ" 

"ปริญญาใบแรกที่ผมได้จากมหาวิทยาแห่งชาติออสเตรเลียคือเศรษฐศาสตร์ แต่ผมสนใจเอเชียตลอดมา ทุกอย่างของเอเชียเลยครับ!  และผมก็อยากเรียนภาษาเอเชียสักภาษา ซึี่งตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าภาษาไหน พอดีอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์จีนท่านแนะนำว่า ภาษาไทยก็ดีนะ น่าเรียน มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียเป็นศูนย์การเรียนไทยศึกษาที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ผมก็เลยเรียนภาษาไทย แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ในหน้าที่การงานเลย จนกระทั่ง 30 ปีต่อมาตอนผมมารับตำแหน่งในไทยนี่ล่ะครับ" 

แน่นอนว่าทักษะการสื่อสารทั้ง 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน สำหรับคนที่เรียนภาษาต่างประเทศย่อมเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส แต่ละทักษะมีความยากแตกต่างกันไป สำหรับทูตแมคคินนอน เขายอมรับ

 "การฟังยากที่สุดครับ ถ้าคุณเข้าใจสิ่งที่ได้ยินส่วนใหญ่ คุณก็คุยได้ แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรเลย คุณสนทนากับเขาไม่ได้ ทักษะการอ่านผมใช้ได้ แต่ก็ยังเปิดพจนานุกรมอยู่มาก" 


ได้ฟังความยากของท่านทูตแบบนี้ทำให้นึกถึงปัญหาของคนไทยหลายคนที่ฝึกภาษาอังกฤษแล้วพบว่า ฟังไม่ออก แล้วท่านทูตพัฒนาการฟังอย่างไร 

"ผมฝึกฝนการฟังด้วยการคุยกับครูคนไทย บางครั้งผมก็ดูภาพยนตร์ไทย ซึ่งก็ช่วยได้  ผมได้ยินคนพูดถึงซีรีส์ใหม่เรื่อง เด็กใหม่  (Girl from Nowhere) กันมาก  ก็เลยดูด้วย" 

ได้ยินเคล็ดลับอย่างนี้แล้ว ยิ่งตอกย้ำว่า การดูภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศช่วยฝึกทักษะการฟังได้จริงๆ และเมื่อฟังแล้วก็ต้องพูดด้วย โดยเฉพาะการพูดกับเจ้าของภาษา ด้วยนิสัยเป็นกันเองของทูตแมคคินนอน เขามักพูดภาษาไทยกับคนไทยเสมอเมื่อมีโอกาส และเจอเรื่องสนุกพร้อมปฏิกริยาน่ารักๆ จากคนไทย แต่ประสบการณ์หนึ่งที่เขาไม่ลืมเลยคือ การพูดภาษาไทยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

"แม้จะมีหลายครั้งที่ผมพยายามสื่อสารภาษาไทยกับนายกฯ ประยุทธ์ แต่ท่านก็ไม่เข้าใจภาษาไทยของผม เราต่างคนต่างพูดเร็วแถมยังสวมหน้ากากเสมอ ก็เลยทำให้เข้าใจยาก แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมมีประสบการณ์หน้าแตกกับท่านนายกฯ ในงานใหญ่งานหนึ่งซึ่งนายกฯ ต้องขึ้นไปพูดบนเวที เมื่อท่านลงมาก็เดินตรงมาหาผมแล้วทักทาย

ผมทราบล่ะครับว่าท่านทักทายแต่ไม่ได้ยินอะไรเลย เพราะลืมไปว่ายังใส่หูฟังอยู่ เพลงและเสียงประกาศจากบนเวทีจึงดังก้องในหูผม  จนกระทั่งท่านนายกฯ เลิกพูดแล้วเดินจากไป ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังสวมหูฟังช่องที่มีเสียงเพลงดังมาก พอถอดออกปุ๊บ...เงียบเลย นี่เป็นเรื่องหน้าแตกของผมครับ" 


"ประชาชนทั่วไปจริงๆ แล้วเขาชอบมากเลยถ้าคุณพูดภาษาไทยได้ โดยเฉพาะนอกกรุงเทพฯ บางครั้งพวกเขาปรบมือให้ด้วย ครั้งหนึ่งผมเคยไปเยี่ยมชมโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้พัฒนาศักยภาพการเกษตรกรรมระดับชุมชนในเขตพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นทุนช่วยเหลือโดยตรงของรัฐบาลออสเตรเลีย (Direct Aid Program: DAP) ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านตื่นเต้นมากที่เห็นฝรั่งแต่งชุดชาวเขาแถมยังพูดไทยได้ ชอบใจกันใหญ่" ทูตแมคคินนอนเล่าพลางยิ้มพลาง เมื่อรำลึกถึงประสบการณ์สุดประทับใจ 

ในเมื่อเรียนภาษาไทยมาขนาดนี้ กรุงเทพธุรกิจอดถามไม่ได้ว่า คำหรือประโยคไหนในภาษาไทยที่ยากมากสำหรับท่านทูต คำตอบคือ 

"คำที่ออกเสียงคล้ายๆ กันชวนสับสนครับ อย่างคำว่า  คอย เคย/จาน ชาม/ส้อม ซ่อม/ข่าว ข้าว/ร้าน ล้าน/เต่า เต้า/ขัน คัน/ รวมทั้งโทนเสียง โดยเฉพาะเสียงสูง เป็นความท้าทายมากด้วยครับ และพวกคำพูดและเสียงที่คนไทยใช้กันอย่างไม่เป็นทางการเพื่อแสดงความเคารพ ความโกรธ เศร้า และอื่นๆ อันนี้ก็ยาก ภาษาอังกฤษไม่มีคำเล็กคำน้อยแบบนี้ จึงยากมากที่คนต่างชาติจะเข้าใจว่า คำๆ เดียวท้ายประโยคสำคัญและมีความหมายมากแค่ไหน"  

ไม่เพียงเท่านั้นทูตแมคคินนอนยังพบสีสันกับคำแสลงของไทย อย่างคำว่า "แกง" หรือ "สุดปัง"

 "ตอนผมได้ยินคำว่าแกงครั้งแรกผมสับสนมากเลยครับ แกงหรือซุปเนี่ยมาแปลว่าแกล้งกันได้ไง ไม่ได้การล่ะ ผมต้องรีบแชร์ข้อมูลสำคัญนี้ให้คนออสเตรเลียและชาวต่างชาติคนอื่นๆ ได้ทราบ ก็เลยทวีตเปรียบเทียบกับการแกล้งของชาวออสเตรเลีย ตัวอย่างเช่นป้าย 'ยินดีต้อนรับสู่นครเพิร์ธ' บนหลังคาตึกใกล้รันเวย์ท่าอากาศยานนครซิดนีย์แกงคนไปหลายคน

 ทูตออสเตรเลียกล่าวด้วยว่า เมื่อสังคมเปลี่ยนภาษาก็เปลี่ยน 

"อย่างเมื่อก่อนผมรู้จักสแลง  'เปิ๊ดสะก๊าด' ที่เพี้ยนมาจากภาษาอังกฤษว่า 'เฟิร์สคลาส' ตอนนี้ไม่มีใครใช้แล้ว มีแต่โอเคนัมเบอร์วัน

หลังจากอยู่ที่นี่มาหลายปีผมพบว่า คนไทยโดยเฉพาะชาวเน็ตมีความคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ขันสุดๆ เหมือนกันเลยกับคนออสเตรเลีย ผมรู้ว่าสแลงไม่ใช่วิธีการพูดที่ถูกต้องเหมาะสมเสมอไป ต้องใช้ให้ถูกบริบท แต่ในฐานะคนที่รักและศึกษาภาษาและวัฒนธรรมไทย การเข้าใจสแลงเปิดให้ผมเข้าสู่โลกแห่งวัฒนธรรมไทยร่วมสมัยที่สนุกสนาน"

นั่นคือมุมมองของทูตออสเตรเลียต่อภาษาไทย ในทางกลับกันคนไทยหลายคนรู้สึกว่าภาษาอังกฤษยากมาก บางคนถอดใจไปก่อน สำหรับทูตแมคคินนอนในฐานะคนพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่แล้วมาเรียนภาษาไทย น่าจะมีคำแนะนำดีๆในการเรียนภาษาอังกฤษให้กับคนไทยได้บ้าง

"ภาษาอังกฤษยากครับ ถ้าจะให้ดีก็ควรหาเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานต่างชาติที่อยากเรียนภาษาไทย และควรเป็นคนที่ใช้ภาษาได้ระดับเดียวกัน แล้วผลัดกันสอนก็สนุกดีครับ การดูภาพยนตร์และข่าวเป็นภาษาอังกฤษก็ช่วยได้"

 ปัจจุบันทูตแมคคินนอนยังเรียนภาษาไทยสัปดาห์ละ 3-4 ชั่วโมง รวมทั้งฝึกฝนด้วยตนเองจากการอ่านหนังสือและชมซีรีส์ กรุงเทพธุรกิจจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าคะแนนเต็ม 10 ท่านทูตจะให้คะแนนภาษาไทยของตนเองสักเท่าใด 

"ผมให้คะแนนตัวเอง 6 เต็ม 10 ครับ เพราะว่าผมพูดกับครูได้ค่อนข้างคล่องแม้แต่เรื่องยากๆ แต่เป็นเพราะว่าครูคุ้นเคยกับภาษาของลูกศิษย์และทักษะการพูดของผมอยู่แล้ว แต่นอกจากครูผมยังสื่อสารกับคนไทยทั่วไปได้ไม่ราบรื่น ซึ่งผมกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ครับ" 

ก่อนจากกันกรุงเทพธุรกิจสอบถามถึงแผนการส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศหลังยุคโควิด ทูตแมคคินนอนย้ำว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศอันหลากหลายสาขาได้รับการส่งเสริมมาต่อเนื่องไม่เว้นแม้แต่ช่วงโควิดระบาด ตั้งแต่ด้านความมั่นคงไปจนถึงการศึกษาและเกษตรกรรม

 "เดือน พ.ย.2563 พล.อ.ประยุทธ์ และนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ส่งสัญญาณว่าเรามีความประสงค์กระชับความสัมพันธ์ในทุกสาขาร่วมกัน และความร่วมมือด้านการศึกษานั้นก็สำคัญมากสำหรับเรา ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย หรือนักศึกษาออสเตรเลียที่กำลังศึกษาในไทยตามแผนการโคลอมโบใหม่ ไปจนถึงการศึกษาสายอาชีพและอื่นๆ อีกมากมาย ในการนี้สถานทูตของเราจับมือกับเอเชียฟาวเดชัน พัฒนาเว็บไซต์Thailandlearning.org เชื่อมต่อนักศึกษาไทยกับอาจารย์แบบที่เดียวจบ ด้วยทรัพยากรการศึกษาออนไลน์คุณภาพสูงที่สามารถเรียนได้จากที่บ้าน

แม้โควิด-19 ระบาด เรายังเดินหน้าทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษาฯ จัดกิจกรรม เช่น ฝึกอบรมออนไลน์ จัดเวิร์กชอป จัดเวทีให้ครูอาจารย์ไทยได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากออสเตรเลีย เมื่อโรคระบาดผ่านพ้นไป เรารอต้อนรับเพื่อนคนไทยไปเรียน ทำงาน และใช้ชีวิตในออสเตรเลียอีกครั้ง และนักศึกษาออสเตรเลียกลับมาเรียนในไทยเช่นกันครับ" นั่นคือคำมั่นจากอัลลัน แมคคินนอน ทูตออสเตรเลียผู้รักภาษาไทย 
#2844



ภายหลังจากที่ "โค้ชเช" เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าพร้อมสละสัญชาติเกาหลีใต้ เพื่อที่จะรับสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย และบุคคลในรัฐบาลขานรับพร้อมพิจารณากรณีดังกล่าว

โดย "โค้ชเช" ที่มารับงานคุมทีมชาติไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2545 ได้ถูกทาบทามจากหลายชาติด้วยค่าตอบแทนที่สูงกว่า หลังทำผลงานกับทีมชาติไทยอย่างยอดเยี่ยม ทว่าเจ้าตัวก็ปฏิเสธไป เนื่องจากทำใจไม่ได้ที่จะไปฝึกให้นักกีฬาชาวต่างชาติมาแข่งขันกับลูกศิษย์ของตนเอง

ทั้งนี้ผลงานในโอลิมปิกเกมส์ ของนักกีฬาไทย ภายใต้การดูแลของ "โค้ชเช" ประกอบด้วย

- เยาวภา บุรพลชัย เหรียญทองแดงโอลิมปิก ที่เอเธนส์ ประเทศกรีซ
- บุตรี เผือดผ่อง เหรียญเงินโอลิมปิก ที่ปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ชนาธิป ซ้อนขำ เหรียญทองแดงโอลิมปิก ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
- พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองโอลิมปิก ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โดยก่อนหน้ามีการเปิดเผยว่า "โค้ชเช" ได้ชื่อสำหรับรับสัญชาติไทย คือ "ชัยศักดิ์" อย่างไรก็ตาม ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เผยว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ชื่อ ชัยศักดิ์ อย่างที่เข้าใจกัน โดย โค้ชเช มาปรึกษาขอให้ตั้งชื่อไทยให้ ซึ่งผมเห็นว่าควรให้พระตั้งให้ จึงไปกราบเรียน "เจ้าคุณธงชัย" หรือ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี แห่งวัดไตรมิตรฯ นำวันเดือนปีเกิดไปตั้งให้ ซึ่งตอนนี้ได้เหรียญทองโอลิมปิกกลับมาก็จะกลับไปขอชื่อไทยกับท่าน

ทั้งนี้ยังมีการเปิดเผยด้วยว่าก่อนเดินทางไป "โตเกียวเกมส์" ครั้งนี้ ทีมเทควันโดของไทย ได้เข้าพบ "เจ้าคุณธงชัย" โดยได้รับมอบยันต์มาทั้งทีม ซึ่งตัว "โค้ชเช" เผยว่าตนได้พกติดตัวไปด้วย และระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้นำมาลูบหน้า "น้องเทนนิส" ก่อนที่เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก บอกให้ลูบที่เกราะลำตัวด้วย

ซึ่ง "โค้ชเช" ยอมรับว่าเขาได้ภาวนาว่า ขอให้น้องเทนนิส ทำอะไรก็ได้คะแนน และคู่ต่อสู้ทำอะไรน้องเทนนิสไม่ได้อีกด้วย
#2845




สถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในจังหวัดภูเก็ต รอบ 1 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 20-26 ก.ค. เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมีจำนวน 126 คน มาจากในประเทศ 118 คน และคัดกรองพบจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" อีก 8 คน สร้างความกังวลว่า "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" จะยังดำเนินการต่อได้หรือไม่ เพราะผู้ติดเชื้อเกินเงื่อนไข 90 คนต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักเกณฑ์ของแผนเผชิญเหตุที่จะต้องนำมาพิจารณาในการเดินหน้า ทบทวน ชะลอ หรือยุติโครงการ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้หารือร่วมกับ นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 26 ก.ค. เพื่อรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย หลังมีข้อกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในภูเก็ตที่เพิ่มขึ้นสูง โดยได้มีการพิจารณาหลักเกณฑ์อื่นๆ ประกอบ ยืนยันว่ายังรับมือและควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีนัยยะต่อการทบทวนโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในตอนนี้ จึงได้ข้อสรุปว่าเดินหน้าโครงการต่อเนื่อง

แม้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ระหว่างวันที่ 21-27 ก.ค. จำนวน 145 คน จะเกิน 90 รายต่อสัปดาห์ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาจนำไปสู่การทบทวนยุติโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หลังเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเมื่อ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา 

"แต่เมื่อดูยอดผู้ติดเชื้อสุทธิหลังมีการรักษาหายแล้ว พบว่าเหลือเพียง 60 กว่าคน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และเอกชนท่องเที่ยวได้พิจารณาหลักเกณฑ์ต่างๆ รอบด้าน ต่างยืนยันว่ายังรับมือไหว"


"พิพัฒน์"สั่งกดยอดผู้ติดเชื้อ 7 วัน
ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สั่งให้จับตาการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ 7 วันจากนี้ เพื่อหาวิธีกดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ลดลง หากตัวเลขผู้ติดเชื้อในภูเก็ตยังเพิ่มขึ้นหรือไม่ลดลง จนกระทบต่อระบบสาธารณสุข ไม่สามารถรับมือไหว ททท.จะมีการดำเนินงานในขั้นต่อไป

ด้านจังหวัดภูเก็ตได้มีการปรับมาตรการตามแผนจากเบาไปหาหนัก ขณะนี้เริ่มปรับลดกิจกรรม ได้แก่ ปิดศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล ฟลอเรสตา ภูเก็ต 7 วัน ตั้งแต่ 27 ก.ค.-2 ส.ค. รวมทั้ง ปิดสนามกีฬาฟุตบอล ฟุตซอล ตั้งแต่ 27 ก.ค.-2 ส.ค.เช่นกัน ปิดโรงเรียนจนถึงวันที่ 16 ส.ค และให้รวมกลุ่มทำกิจกรรมได้ไม่เกิน 100 คน ขณะที่ตลาดนัด ตลาดสด จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ 4 ตารางเมตรต่อ 1 คน มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.

"เอกชนในภูเก็ตได้หารือถึงการยกระดับมาตรการป้องกันการระบาดไม่ให้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง มีการเสนอให้ปิดเกาะภูเก็ตเพื่อไม่ให้คนในพื้นที่อื่นเดินทางเข้า ทางปฏิบัติคงทำได้ยาก เพราะคนภูเก็ตที่ไปทำงานข้ามจังหวัด หรือมีลูกหลานในจังหวัดอื่นๆ ต้องการเดินทางกลับภูเก็ต จะปิดกั้นไม่ให้กลับคงทำได้ยาก แต่มีวิธีคุมเข้มและรัดกุมมากขึ้น"

ล่าสุด กำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากทุกจังหวัด รวมถึงผู้ที่อยู่ในภูเก็ตแต่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ต้องแสดงหลักฐานผลการฉีดวัคซีนครบโดส และมีผลการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR หรือ Antigen Test เป็นลบ ภายในไม่เกิน 72 ชั่วโมง ตั้งแต่ 25 ก.ค.-2 ส.ค.นี้

รักษาป้อมปราการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
นายยุทธศักดิ์ กล่าวย้ำว่า ททท.ไม่มีความคิดที่จะยกเลิกโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และไม่มีอำนาจในการสั่งยกเลิก เพราะขึ้นอยู่กับทางจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้ตัดสินใจ โดยการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ขณะนี้ ถือเป็นการทดลองระบบ รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น่าจะเดินทางเข้ามามากขึ้นในไตรมาส 4

ในเดือน ส.ค. นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สามารถต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ โดยจะมีเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สและไทยสมายล์ที่รับส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้โดยเฉพาะ 

"ททท.ต้องพยายามรักษาป้อมปราการของภูเก็ตเอาไว้ให้ได้ เพราะ 15 เดือนที่เผชิญวิกฤติโควิด คนภูเก็ตที่เคยอาศัยรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างมาก ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จึงถือเป็นครั้งแรกที่ทำให้ธุรกิจเริ่มเดินได้ พนักงานภาคท่องเที่ยวมีรายได้จุนเจือครอบครัว การทำภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จึงไม่ใช่การเปิดๆ ปิดๆ ระหว่างทางทำอะไรได้ก็ทำต่อ หากเปิดแล้วยังวิ่งไม่ได้ ก็ต้องค่อยๆ เดินไปอย่างมั่นใจ"

ประเด็นที่ ททท.พยายามสื่อสารไปยังตลาดต่างประเทศ คือ ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมองจำนวนผู้ติดเชื้อในภูเก็ตแยกออกจากภาพรวมของยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดในไทยซึ่งมีจำนวนมาก เพราะอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ขณะเดียวกันต้องติดตามการตัดสินใจของสายการบินต่างๆ ที่ทำการบินเข้าภูเก็ตด้วยว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรืองดบินหรือไม่ จากรายงานเดือน ส.ค.พบว่ามีสายการบินทำการบินระหว่างประเทศเข้าภูเก็ตเพิ่มอีก 4 สายการบิน


จองโรงแรมภูเก็ตเฉียด2.8แสนคืน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-26 ก.ค. ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ มีนักท่องเที่ยวสะสมรวม 11,806 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อ 26 คน ส่วนใหญ่พบจากการตรวจหาเชื้อครั้งแรก 10 คน โดยหลายคนที่ตรวจพบว่าเป็นซากเชื้อ ส่วนการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 พบ 7 คน การตรวจหาเชื้อครั้งที่ 3 พบ 2 คน แสดงให้เห็นว่าเป็นการติดเชื้อมาก่อน ไม่ได้ติดจากคนในประเทศ ส่วนผู้สัมผัสและมีความเสี่ยงสูงตรวจพบเชื้อ 7 คน

ด้านยอดจองโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) มีจำนวน 278,623 คืน เดือน ก.ค. 192,916 คืน ส.ค. 79,982 คืน และ ก.ย. 5,725 คืน เมื่อนับรวม ต.ค.2564-ก.พ.2565 ซึ่งตรงกับช่วงไฮซีซั่นอีก 5,250 คืน รวมมียอดจองโรงแรม 283,873 คืน

"ตัวเลขยอดการจองโรงแรมยังไหลเข้ามาต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่าการระบาดหนักของไทยส่งผลต่อยอดจอง ส.ค.-ก.ย.อยู่บ้าง แต่การระบาดช่วงนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะในไทย พบระบาดหนักทั้งภูมิภาค ต้องดูการตัดสินใจให้บริการของสายการบินหากยังบินเข้าภูเก็ต ยอดจองโรงแรมก็น่าจะเดินหน้าได้ตามเดิม"

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (27 ก.ค.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 (ศบศ.) ในส่วนมาตรการการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่นำร่องเพิ่มเติมนอกเหนือจาก ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ โดยเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่น หลังพำนักในภูเก็ต 7 วัน และเดินทางท่องเที่ยวและต้องพำนักในพื้นที่อื่นอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า) จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล) และจังหวัดพังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่) เริ่มนวันที่ 1 สิงหาคม 2564

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงท่องเที่ยวฯ และ ททท. ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการการตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าพื้นที่ให้เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันการนำเชื้อโควิด-19 เข้าไปแพร่ระบาดในพื้นที่

สั่งทำแผนยกระดับจุดคัดกรอง
รวมทั้งประสานกระทรวงมหาดไทยพิจารณานำแนวทางของ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" เผยแพร่ให้จังหวัดอื่นเพื่อเป็นกรณีศึกษานำไปวางแนวทางระยะต่อไป และประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจข้อมูลสถานการณ์แพร่ระบาดของไทยในพื้นที่ท่องเที่ยว รวมถึงความคืบหน้าและความสำเร็จของ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ให้สถานทูตประเทศต่างๆ และสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศรับทราบต่อเนื่อง

นอกจากนี้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เร่งทำคำของบประมาณและแผนกำลังคนรองรับการยกระดับศักยภาพของจุดคัดกรองให้เพียงพอ ทั้งกระบวนการคัดกรองผู้เดินทางด้วยระบบดิจิทัล การจัดหา Rapid Antigen Test และอุปกรณ์ต่างๆ ให้เสร็จใน 1 สัปดาห์ และประสานกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ ในรายละเอียดของแหล่งเงิน เพื่อเสนอ ครม. และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งขึ้นทะเบียนรับรองวัคซีน Sputnik V เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนดังกล่าวเดินทางเข้ามาเที่ยวได้
#2846



นางสาวสภัทร์พร ธรรมาภรณ์พิลาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้มีหนังสือขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เข้าร่วมมาตรการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบให้กับลูกหนี้ตามความเหมาะสมเพื่อร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ภาพรวมการประกอบธุรกิจสินเชื่อ "พิโกไฟแนนซ์" มีจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อ  "พิโกไฟแนนซ์" และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ 985 ราย ใน 75 จังหวัด ได้แก่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (579 ราย)
ภาคกลาง (161 ราย)
ภาคเหนือ (126 ราย)
ภาคตะวันออก (67 ราย)
ภาคใต้ (52 ราย)
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ที่ "กระทรวงการคลัง" ได้เปิดให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 553,974 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 12,698.10 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 22,921.83 บาทต่อบัญชี ซึ่งมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

เผยอดีตอันแสนเลวร้ายของผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทย...
BKK Delivery
ภารโรงได้เงินถึง 45 ล้าน เพราะเจอสิ่งนี้ในโถส้วม...
BKK Delivery
อื้อฉาว!หญิงวัย 58 มีใบหน้าเหมือนเด็ก นี่คือสิ่งที่เธอทำตอนกลางคืน
Women'sbeauty

(1) สินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 มีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์สะสมสุทธิทั้งสิ้น885 ราย ใน 74 จังหวัดและมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 847 รายใน 74 จังหวัดโดยจังหวัดที่มีผู้เปิดดำเนินการมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่

นครราชสีมา (79 ราย)
กรุงเทพมหานคร (67 ราย)
ขอนแก่น (51 ราย)
(2) สินเชื่อประเภทพิโกพลัส ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 มีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกพลัสสะสมสุทธิทั้งสิ้น 156 รายใน 49 จังหวัดและมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 138 ราย ใน 45 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้เปิดดำเนินการมากที่สุด3 อันดับแรก ได้แก่


นครราชสีมา (20 ราย)
อุดรธานี (9 ราย)
อุบลราชธานี และกรุงเทพมหานคร (จังหวัดละ 8 ราย)
(3) ภาพรวมสถานะสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 มียอดสินเชื่อคงค้างจำนวนทั้งสิ้น 198,217 บัญชี คิดเป็นจำนวนเงิน 4,233.97 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อค้างชำระ 1 - 3 เดือน สะสมรวมทั้งสิ้น 27,432 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 627.87 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.83 ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม และมีสินเชื่อค้างชำระที่เกินกว่า 3 เดือน (NPL) สะสมรวมจำนวน 32,440 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 748.27 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.67 ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม


นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังคงดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมายซึ่งนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายจำนวนสะสม 9,596ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 จำนวน 244 ราย

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการได้ทางเว็บไซต์ www.1359.go.th และสามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมายได้โดยตรงที่


• สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน1599
• ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567
• ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359
• ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.) โทร.025753344
#2847



อินเทลเปิดแผนกลยุทธ์นวัตกรรมด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ โชว์ชัด "RibbonFET" สถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ตัวแรกของอินเทลในรอบทศวรรษ ยังมี "PowerVia" การจ่ายพลังงานแบบ backside power delivery รายแรกของอุตสาหกรรม มั่นใจคงตำแหน่งผู้นำต่อเนื่องด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงแบบ 3 มิติ

นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานกรรมการบริหารของอินเทล กล่าวว่าจากความเป็นผู้นำของอินเทลในด้านบรรจุภัณฑ์ บริษัทกำลังเร่งแผนงานนวัตกรรมเพื่อให้แน่ใจว่า ภายในปีพ.ศ. 2568 อินเทลจะยังคงเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพการประมวลผล

"นอกจากนี้ เราได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ในการนำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีตั้งแต่ทรานซิสเตอร์ไปจนถึงระดับของระบบ เราจะพยายามอย่างไม่หยุดยั้งในการดำเนินงานตามหลักกฎของมัวร์ (Moore's Law) และเดินหน้าบนเส้นทางที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยพลังของซิลิคอน"

อินเทลมองว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 อุตสาหกรรมการผลิตมีการยอมรับความจริงที่การตั้งชื่อกระบวนการผลิตชิปแบบนาโนเมตรนั้นไม่สามารถใช้กับหน่วยวัดแบบ Gate Length ได้ วันนี้ อินเทลจึงประกาศโครงสร้างสำหรับกระบวนการผลิตชิปรูปแบบใหม่ โดยสร้างกรอบในการทำงานที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ เพื่อลูกค้าจะได้มีมุมมองที่ถูกต้องมากขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิตชิปที่ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม สิ่งนี้คือพื้นฐานสำคัญในการเปิดตัว Intel Foundry Services (IFS)

ซีอีโออินเทลย้ำว่านวัตกรรมที่ถูกเปิดตัวในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยปรับแผนกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ของอินเทลแล้ว ยังมีความสำคัญต่อลูกค้าของบริษัทอีกด้วย ทั้งนี้ IFS ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ อินเทลจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ประกาศเปิดตัวลูกค้ารายใหญ่สองเจ้าแรกของบริษัท พร้อมประกาศว่า IFS นั้นเริ่มต้นออกสู่ตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อินเทลยังประกาศโหนดใหม่ และนวัตกรรมที่เปิดใช้งานสำหรับโหนดแต่ละชนิด หนึ่งในนั้นคือ Intel 7 ที่จะมอบประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 10%-15% ต่อวัตต์ เมื่อเทียบกับ Intel 10nm SuperFin อ้างอิงจากการปรับแต่งทรานซิสเตอร์ FinFET โดย Intel 7 จะถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Alder Lake สำหรับลูกค้าในปี พ.ศ. 2564 และ Sapphire Rapids สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2565

ขณะเดียวกัน Intel 4 จะใช้เทคโนโลยีกระบวนการพิมพ์ด้วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต (Extreme Ultraviolet Lithography) ในการพิมพ์รูปแบบขนาดเล็กด้วยแสงความยาวคลื่นสั้นพิเศษ โดย Intel 4 ซึ่งมากับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20% ต่อวัตต์ พร้อมด้วยการปรับปรุงภายในพื้นที่ จะพร้อมผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2565 เพื่อเตรียมจัดส่งในปี พ.ศ. 2566 จะถูกรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Meteor Lake สำหรับลูกค้า และ Granite Rapids สำหรับดาต้าเซ็นเตอร

ดร. แอน เคลเลอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท อินเทล
ดร. แอน เคลเลอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท อินเทล

ด้าน Intel 3 จะใช้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการเพิ่มประสิทธิภาพ FinFET และเพิ่ม EUV ที่มีมากกว่า Intel 4 เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นประมาณ 18% ต่อวัตต์ พร้อมกับการปรับปรุงพื้นที่เพิ่มเติม โดย Intel 3 จะพร้อมผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2566

รวมถึง Intel 20A ที่เตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคอังสตรอม (Angstrom) ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า 2 ประเภท ได้แก่ RibbonFET และ PowerVia โดย RibbonFET เป็นการนำทรานซิสเตอร์ Gate All Around ของ Intel ไปใช้ ซึ่งจะเป็นสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ใหม่ตัวแรกของอินเทล นับตั้งแต่บริษัทฯ เริ่มคิดค้น FinFET ในปี พ.ศ. 2554 ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยให้การเปลี่ยนทรานซิสเตอร์ทำได้เร็วขึ้น โดยให้กระแส drive current เท่าเดิมแต่ใช้พลังงานน้อยลง ส่วน PowerVia โดยอินเทล เป็นการจ่ายพลังงานแบบ backside power delivery รายแรกของอุตสาหกรรมที่เพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณโดยการขจัดความจำเป็นในการกำหนดเส้นทางพลังงานที่ด้านหน้าแผ่นวงจรเวเฟอร์ โดยคาดว่า Intel 20A จะได้รับความนิยมสูงขึ้นในปี พศ. 2567

"บริษัทฯ ยังรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการเป็นพันธมิตรกับ Qualcomm ที่จะเริ่มใช้เทคโนโลยี Intel 20A ด้วยเช่นกัน" อินเทลระบุ

สำหรับปีพ.ศ. 2568 และปีต่อๆ ไป อินเทลย้ำว่านอกเหนือจาก Intel 20A แล้ว Intel 18A ได้อยู่ในระหว่างการพัฒนาสำหรับช่วงต้นปีพ.ศ. 2568 พร้อมกับการปรับแต่ง RibbonFET ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของทรานซิสเตอร์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยอินเทลกำลังเตรียมพร้อมในการกำหนด สร้าง และปรับใช้เครื่องมือ EUV รุ่นต่อไปที่เรียกว่า High Numerical Aperture EUV และคาดว่าจะได้รับเครื่องมือการผลิตเครื่องแรกในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ อินเทลกำลังเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับ ASML เพื่อรับรองความสำเร็จของการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวที่นอกเหนือไปจาก EUV รุ่นปัจจุบัน

ดร. แอน เคลเลอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี กล่าวว่าอินเทลมีประวัติอันยาวนานในด้านนวัตกรรมกระบวนการขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งบริษัทได้เป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนไปใช้ สเตรน ซิลิกอน (strained silicon) ขนาด 90 นาโนเมตร พร้อมด้วยเทคโนโลยี high-k metal gates ขนาด 45 นาโนเมตร และ FinFET ขนาด 22 นาโนเมตร

"นี่ถือเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญด้านเทคโนโลยีการประมวลผลจาก Intel 20A ที่มาพร้อมกับ 2 นวัตกรรมสุดล้ำอย่าง RibbonFET และ PowerVia"

AWS ลูกค้ารายแรก

นอกจากชิป อินเทลย้ำว่าบรรจุภัณฑ์ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นในการตระหนักถึงประโยชน์ของกฎของมัวร์ (Moore's Law) ด้วยกลยุทธ์ IDM 2.0 ใหม่ของอินเทล อินเทลประกาศว่า Amazon Web Services (AWS) จะเป็นลูกค้ารายแรกที่ใช้โซลูชันบรรจุภัณฑ์ของ IFS พร้อมทั้งให้ข้อมูลเชิงลึกด้านแผนกลยุทธ์ของการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงและอุตสาหกรรมชั้นนำ

ที่สุดแล้ว อินเทลย้ำว่ามีแผนนำเทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต (EUV) รุ่นใหม่มาใช้ โดยใช้ชื่อเรียกว่า High Numerical Aperture (High NA) EUV ทั้งนี้ อินเทลนับเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรมที่จะได้รับเครื่องมือการผลิต High NA EUV ด้วย.
#2848



นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY ได้รับแจ้งจากบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด (ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมที่บริษัทถือหุ้นทางตรง และ ทางอ้อมรวมเป็นจำนวน 35% ว่า เตรียมรับเงินค่าชดเชยจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นเงินกว่า 1.6 พันล้านบาทภายในเดือนส.ค.นี้ โดยทั้งสองฝ่ายได้เข้าทำบันทึกข้อตกลงและยื่นต่อสำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครองเรียบร้อยแล้ว

ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ชำระเงิน 1,654,604,627.54 บาท ให้แก่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี นับจากวันฟ้องจนถึง 10 เม.ย. 2564 ต่อจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็น 3% บวกเงินเพิ่มอีก 2% จนถึงวันชำระเสร็จ โดยให้ชำระเสร็จภายใน 60 วัน ตามหนังสือที่อ้างถึงนั้น


โดยที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานสลากได้มีมติชำระหนี้กรณีสัญญาจ้างบริการระบบเกมสลากให้แก่ ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค ดังนี้ 1. ชำระหนี้จำนวน 1,654,604,627.54 บาท ภายในเดือนสิงหาคม 2564

2. ชำระดอกเบี้ยจำนวน 444,745,338.27 บาท ภายในปีงบประมาณ 2565 โดยชำระงวดแรกภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 งวดที่สองภายในวันที่ 4 มกราคม 2565 งวดที่สามภายในวันที่ 1 เมษายน 2565 และงวดที่สี่ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 โดยแบ่งจ่ายงวดละเท่า ๆ กัน
#2849



สีสัน "โอลิมปิก2020" นอกจากเรื่องผลงานในสังเวียนการแข่งขันแล้ว ทีมหนึ่งซึ่งกำลังฟอร์มร้อนแรงและเป็นที่สนใจของแฟนกีฬาทั่วโลกคือ "ROC" ชื่อใหม่ที่ "ทีมชาติรัสเซีย" ใช้ร่วมแข่งขัน แล้วทำไมถึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อนี้ และหากรับเหรียญทอง พวกเขาต้องร้องเพลงอะไร

ในการแข่งขัน โตเกียว โอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่นซึ่งกำลังชิงเหรียญกันอย่างเข้มข้นขณะนี้ บรรดาทีมชาติตัวเต็งเจ้าเหรียญทองไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐ หรือแม้แต่เจ้าภาพญี่ปุ่นเอง ต่างแข่งกันโกยเหรียญรางวัลทิ้งห่างคูแข่งตั้งแต่วันแรก ๆ แต่ในอันดับต้น ๆ ของทำเนียบเจ้าเหรียญทองปีนี้ (ณ วันที่ 27 ก.ค.) กลับมีชื่อหนึ่งที่แฟนกีฬาไม่คุ้นเคยโผล่เข้ามาด้วย นั่นคือทีม "ROC" (อาร์โอซี)

เพื่อป้องกันความสับสน อันดับแรก ROC ไม่เกี่ยวข้องกับ ROK ชื่อย่อประเทศเกาหลีเหนือ และไม่เกี่ยวกับ "เดอะร็อค" อดีตนักมวยปล้ำชื่อดังที่ปัจจุบันเป็นดาราดังระดับฮอลลีวูดไปแล้ว แต่นี่เป็นชื่อย่อของ Russian Olympic Committee หรือ "คณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซีย"


- ป้ายสัญลักษณ์ของคณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซีย หน้าสำนักงานใหญ่ในกรุงมอสโก -

ทำไมทีมรัสเซียต้องใช้ชื่อ ROC

ชื่อ ROC ถูกนำมาใช้เป็นชื่อในการแข่งขันทัวร์นาเมนท์ระดับนานาชาติ หลังจากที่องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (WADA) สั่งแบนรัสเซียในปี 2019

การตัดสินใจครั้งนั้นของ WADA เกิดขึ้นหลังจากตรวจพบว่า รัสเซียแอบกรองปัสสาวะนักกีฬาก่อนนำไปตรวจสารกระตุ้น และหลังจากนั้น รัสเซียยังมีการส่งรายงานฉบับปลอมให้ WADA ส่งผลให้ทีมชาติรัสเซียถูกลงโทษแบนถึง 4 ปี ก่อนจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (CAS) ได้สำเร็จ จนได้ลดโทษแบนครึ่งหนึ่ง เหลือ 2 ปี


รายงานของ WADA ระบุว่า เหตุการณ์การใช้สารกระตุ้นไม่ได้รู้เห็นเป็นวงกว้างเฉพาะในหมู่นักกีฬารัสเซียเท่านั้น แต่ยังอยู่ในการรับรู้ของรัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินด้วย

โทษแบนครั้งนี้ทำให้รัสเซียหมดสิทธิ์ส่งทัพนักกีฬาในนามทีมชาติแข่งขันหลายรายการ รวมถึง "โตเกียว 2020" "โอลิมปิกฤดูหนาว 2022" ที่กรุงปักกิ่งของจีน และ "ฟุตบอลโลก 2022" ที่กาตาร์

ใครลงแข่งในนาม ROC ได้บ้าง

ROC เปรียบเสมือนทีมชาติรัสเซีย V.2 ดังนั้น กลุ่มนักกีฬารัสเซียที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใช้สารกระตุ้นดังกล่าว จะได้รับอนุญาตให้ลงแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ รวมถึงทัวร์นาเมนท์อื่น ๆ ที่รัสเซียเข้าร่วมในช่วงโทษแบน 2 ปี

ทั้งนี้ คำสั่งของ CAS ยืนยันว่า ลงโทษแบนรัสเซียออกจากการแข่งขันระดับนานาชาติ ดังนั้น นักกีฬาที่ไม่มีความผิด จึงต้องใช้ธงและตราสัญลักษณ์ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งรัสเซีย หรือ ROC แทน


อย่างไรก็ตาม กฎกติกาของโอลิมปิกกำหนดให้บรรดานักกีฬาจากรัสเซียลงแข่งขันในนามของ ROC เท่านั้น และให้ใช้ชื่อย่อทีมแทนชื่อเต็ม เพื่อเลี่ยงคำว่า Russian ที่อยู่ในชื่อ Russian Olympic Committee

เมื่อรับเหรียญทองต้องร้องเพลงอะไร

ขณะเดียวกัน เนื่องจากรัสเซียไม่สามารถลงแข่งขันโอลิมปิกอย่างเป็นทางการได้ เมื่อนักกีฬาทีม ROC คว้าเหรียญทอง จะไม่มีการเล่นเพลงชาติรัสเซียหรือเชิญธงชาติรัสเซียขึ้นสู่ยอดเสา


อย่างไรก็ตาม แฟนกีฬาทั่วโลกจะได้เห็น ธงที่มีสัญลักษณ์ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งรัสเซีย หรือ ROC ถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาอย่างสง่างาม พร้อมกับเสียงบรรเลงเพลง "Piano Concerto No. 1 in B-Flat Minor, Op. 23" ซึ่งประพันธ์โดย "ปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี" คีตกวีชาวรัสเซียแห่งยุคโรแมนติกช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19



ไชคอฟสกีถือเป็นคีตกวีชาวรัสเซียคนแรกที่ผลงานสร้างความประทับใจในระดับโลก จนได้รับการส่งเสริมในฐานะวาทยกรรับเชิญในทวีปยุโรปและอเมริกา จึงอาจเป็นเหตุผลที่รัสเซียเลือกเล่นเพลงของคีตกวีคนนี้เมื่อนักกีฬาชนะเลิศหรือขึ้นรับเหรียญทองในการแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อประกาศความเป็นเลิศทั้งในด้านกีฬาและดนตรีของตน

ข้อมูล ณ วันที่ 27 ก.ค. ทัพนักกีฬาทีม ROC คว้าเหรียญโอลิมปิกไปแล้วรวม 18 เหรียญ แบ่งเป็นทอง 7 เหรียญ เงิน 7 เหรียญ และทองแดง 4 เหรียญ อยู่ในอันดับ 4 ของทำเนียบเจ้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 รองจากเจ้าภาพญี่ปุ่น (ทอง 10 เหรียญ / รวม 18 เหรียญ) สหรัฐ (ทอง 9 เหรียญ / รวม 25 เหรียญ) และจีน (ทอง 9 เหรียญ / รวม 21 เหรียญ) ตามลำดับ
#2850



ดนัย ประพันธ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอฟฟิโนม จำกัด กล่าวว่า เจตนารมณ์ในการก่อตั้งบริษัทฯ เกิดจากวิสัยทัศน์ที่ต้องการเห็น บริษัทนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เป็นของคนไทย และต้องการที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพในประเทศไทย เนื่องจากตลอด 20 ปีที่ทำงานในวงการเทคนิคการแพทย์ ตั้งแต่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ ผู้แทนขายสินค้าทางการแพทย์ แทบไม่เคยพบหรือมีเพียงส่วนน้อยมากที่สินค้าในห้องปฏิบัติการตีตราว่าเป็น "MADE IN THAILAND" และถูกใช้อย่างแพร่หลาย

กระทั่งมีโอกาสทำธุรกิจในการเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์จากห้องปฏิบัติการในหลากหลายผลิตภัณฑ์ ทำให้เห็นช่องทาง วิธีการ และโอกาสของการทำธุรกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมองเห็นช่องทางในการขยายธุรกิจใหม่ๆ รวมทั้งต้องการสนับสนุนนักวิจัยไทยในการต่อยอดการพัฒนาผลงานวิจัยสู่ระดับอุตสาหกรรมทางการแพทย์

ดึงงานวิจัยขยายสู่เชิงพาณิชย์

ส่วนการจับตลาดชุดตรวจโควิด ดนัย เปิดฉากเล่าถึงมุมมองตรงจุดนี้ว่า การเป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์แห่งเดียวในประเทศไทย ในการผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ตรวจโควิด-19 เนื่องจากที่ผ่านมา แอฟฟิโนม ได้มีการเข้าร่วมสนับสนุนงานวิจัยของ รศ.ดร.นิทัศน์ สุขรุ่ง หัวหน้าศูนย์การออกแบบนวัตกรรมชีวการแพทย์ ภาควิชาปรสิตวิทยา และหัวหน้าหน่วยบ่มเพาะวิจัยชีวการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในการพัฒนาชุดตรวจ Rapid Test สำหรับโรคไข้ที่ไม่ทราบสาเหตุ โรคประจำถิ่น เช่น โรคฉี่หนู และโรคสครับไทฟัส


เนื่องจากชุดตรวจโรคเหล่านี้จากต่างประเทศมีน้อย หรือมีแต่ราคาแพง เพราะไม่ใช่โรคที่มีความต้องการซื้อมากในประเทศผู้ผลิต ดังนั้น แอฟฟิโนม เล็งเห็นโอกาสในการเป็นผู้ผลิตชุดตรวจเหล่านี้ในประเทศไทย  และมองไปถึงการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) จึงตัดสินใจสนับสนุนโครงการวิจัยนี้ กระทั่งมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ได้มีโอกาสปรึกษาถึงการพัฒนาชุดตรวจโควิด-19 ขึ้นในประเทศ จนกระทั่งทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยจนแล้วเสร็จ บริษัทฯ จึงติดต่อเพื่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าว และได้เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ในการผลิตแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

เร่งกำลังการผลิตรองรับการเข้าถึง


 "ชุดตรวจโควิดแอนติเจนจำเพาะต่อโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นชุดตรวจแบบง่ายและรวดเร็วด้วยหลักการอิมมูโนโครมาโตกราฟี ซึ่งคล้ายกับชุดตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในตัวอย่างหลังโพรงจมูกจากผู้ป่วย ใช้เวลาในการทดสอบเพียง 15 นาที ไม่ต้องใช้เครื่องมือในห้องปฏิบัติการ สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกของการติดเชื้อ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็ว และสามารถแยกผู้ป่วยออกจากครอบครัว หรือชุมชนเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้อย่างทันท่วงที ทำให้สามารถควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้รวดเร็ว ซึ่งชุดตรวจนี้มีความไวถึง 96% และความจำเพาะ 100% นอกจากนี้น้ำยาที่ประกอบในชุดตรวจนี้สามารถฆ่าไวรัสได้ภายใน 1 นาที ทำให้ไม่ส่งผลต่อการกระจายของเชื้อโรคเมื่อทำการตรวจในภาคสนาม"

ทั้งนี้เริ่มมีการดำเนินการวิจัยและพัฒนาชุดตรวจมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยโควิด ในรพ.ศิริราช ร่วมกับกลุ่มตัวอย่างจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งพัฒนาสำเร็จในต้นปี 2564 และล่าสุดผ่านการประเมินประสิทธิภาพ และอนุญาตให้ผลิตและจัดจำหน่ายแล้วจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นอกจากนี้ทางโรงงานกำลังพัฒนาเพื่อผลิตชุดตรวจโควิด-19 Ag แบบ Self-test หรือชุดตรวจด้วยตนเองเพื่อต่อยอดเทคโนโลยีที่มี ตอบสนองความต้องการในตลาดช่วงนี้ที่สูงขึ้น และสนองนโยบายภาครัฐที่ต้องการมีชุดตรวจที่ง่ายและราคาเหมาะสมเพื่อคัดกรองผู้ติดเชื้อ

ดนัย กล่าวต่อไปว่า หลังจากได้รับการอนุมัติจาก อย.เบื้องต้นได้ผลิตออกมาจัดจำหน่ายแล้ว แต่กำลังการผลิตอยู่ในระดับที่จำกัด ในช่วงเดือนสิงหาคมกำลังขยายกำลังการผลิต ไม่ว่าจะเป็น การสั่งซื้อเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มไลน์การผลิต และเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ คาดว่าจะสามารถผลิตได้เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนกันยายน ทั้งนี้ การผลิตในช่วงแรกจะเป็นชุดตรวจโควิดสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ (Professional Use) เพื่อให้โรงพยาบาลขนาดเล็กหรือโรงพยาบาลในชนบทสามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุก โดยชุดตรวจสำหรับประชาชนทั่วไป (Self-test) อยู่ในระหว่างการปรับรูปแบบการใช้งานที่ง่ายและสะดวก เหมาะสมสำหรับคนทั่วไป

ทั้งนี้ แอฟฟิโนม มีโมเดลธุรกิจแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ 1. กลุ่มธุรกิจการผลิตชุดตรวจทางการแพทย์ทั้งในส่วนห้องปฏิบัติการและ ใช้ตรวจด้วยตนเอง (Self-test) ภายใต้มาตรฐานการผลิตเครื่องมือแพทย์ ISO13485  ซึ่งจะควบคุมกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้มั่นใจว่ากระบวนการผลิตของบริษัทจะได้คุณภาพตามที่มาตรฐานกำหนด โดยใช้องค์ความรู้จากงานวิจัยภายในประเทศต่อยอดการผลิต เพื่อจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2. กลุ่มธุรกิจการให้บริการแก่นักวิจัยและบริษัท ที่ต้องการพัฒนาชุดตรวจในเชิงพาณิชย์ภายใต้แบรนด์ตนเอง ซึ่งขอบเขตมีตั้งแต่ให้คำปรึกษาจนถึงการผลิตออกมาในเชิงพาณิชย์พร้อมขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์
#2851



ลิเวอร์พูล เผยว่า เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังคนสำคัญว่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้

แนวรับชาวดัตช์ ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าอย่างหนักตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว ทำให้เขาต้องพักยาวตลอดทั้งฤดูกาล แม้กลับมาซ้อมได้พักใหญ่แต่ก็ยังไม่ได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องสามเกมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามล่าสุด ลิเวอร์พูล ยืนยันผ่านเว็บไซต์สโมสร ระบุว่า ฟาน ไดจ์ค มีสภาพร่างกายที่ดีพอจะกลับคืนสนามในเกมอุ่นเครื่องพบ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน วันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่ โจ โกเมซ กองหลังอีกคนที่พักยาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก็ใกล้ที่จะกลับคืนสนามได้แล้วเช่นกัน

ลิเวอร์พูล ลงอุ่นเครื่องมาแล้ว 3 นัด เสมอ วัคเกอร์ อินน์สบรู๊ค และสตุ๊ตการ์ท 1-1 ซึ่งเป็นรูปแบบมินิเกม 30 นาที เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม ต่อด้วยเกมปกติ 90 นาที เอาชนะ ไมนซ์ 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และจะเล่นเกมต่อไปเจอกับ แฮร์ธ่า ที่ติโวลี่ สตาดิโอน ติโรล วันที่ 29 กรกฏาคมนี้
#2852



นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA และกรรมการ บริษัท สยาม ทาโก้ จำกัด กล่าวว่า ชลบุรีนับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยวตลอดมา โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนชลบุรีสูงถึง 19 ล้านคน และราว 9.7 ล้านคน จะต้องแวะไปเที่ยวที่พัทยา ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 (COVIDd-19) เศรษฐกิจของเมืองพัทยาก็ยังขับเคลื่อนต่อไปได้ ด้วยกำลังซื้อของผู้สูงอายุชาวต่างชาติหลายพันคนที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่

ร้านทาโก้ เบลล์ สาขาพัทยา เป็นสาขาสำคัญ เพราะเป็นสาขาแรกที่เปิดให้บริการนอกเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการขยายสาขาของทาโก้ เบลล์ ประเทศไทย



นายเฉลิมชัย กล่าวว่า "บริษัทฯ ยินดีอย่างยิ่งเมื่อมีโอกาสขยายฐานลูกค้าของทาโก้ เบลล์ ไปในเมืองใหญ่และในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยเฉพาะเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศอีกจำนวนไม่น้อย บริษัทฯ จึงไม่รีรอที่จะมาเติมเต็มประสบการณ์ใหม่แก่บรรดาลูกค้าที่หลงใหลอาหารแนวเม็กซิกันที่นี่ให้ได้ลิ้มลองความอร่อยจัดจ้านของอาหารเม็กซิกันที่เป็นเอกลักษณ์ของทาโก้ เบลล์ โดยร้านทาโก้ เบลล์ สาขาพัทยา ตั้งอยู่ที่ชั้น G ศูนย์การค้ารอยัล การ์เด้น พลาซ่า บนถนนเลียบชายหาดพัทยา ซึ่งเดินทางไปมาสะดวก และในโอกาสฉลองเปิดร้านทาโก้ เบลล์ พัทยา ก็ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษให้แก่ลูกค้าที่ซื้อชุดคอมโบ 1 ชุด รับฟรี ครั้นชี่ ทาโก้ (Crunchy Taco) 1 ชิ้น จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564"

ร้านทาโก้ เบลล์ สาขาพัทยา โดดเด่นด้วยศิลปะการตกแต่งที่บ่งบอกถึงปรัชญาของแบรนด์ ทาโก้ เบลล์ ที่กล่าวว่า 'Live Más' ('จงใช้ชีวิตอย่างเต็มที่') ซึ่งลูกค้าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ในการรับประทานอาหารสไตล์เม็กซิกันที่มาควบคู่กับรสชาติอร่อยเด็ดลงตัวกับทุกเมนูยอดนิยมระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นครั้นชี่ ทาโก้ ซูพรีม (Crunchy Taco Supreme™) ครั้นช์แรป ซูพรีม (Crunchwrap Supreme™) ชิกเก้น เคซาดิญ่า (Chicken Quesadilla™) กริลด์สตัฟท์ เบอร์ริโต้ (Grilled Stuft Burrito™) โล้ดเด้ด นาโช่ (Loaded Nachos™) และอีกหลากหลายเมนู ทางร้านยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้บริการลูกค้า อาทิ Wi-Fi และจุดชาร์จอุปกรณ์เคลื่อนที่ และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ร้านเป็นรูปแบบครัวเปิดที่ลูกค้าสามารถยืนชมพนักงานจัดเตรียมอาหารของตนเองได้อย่างสบาย



"เนื่องจากผู้บริโภคชาวพัทยาชื่นชอบประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ทาโก้ เบลล์ สาขาพัทยา มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จอย่างสูง และอาจจะกลายเป็นสาขาหลักของทาโก้ เบลล์ ในภาคตะวันออกต่อไปในอนาคตก็ได้ เมื่อมีการเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สิ้นสุดลง" นายเฉลิมชัย กล่าวเสริม
ทาโก้ เบลล์ ยึดหลักปฏิบัติด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตามมาตรฐานระดับสากล และพร้อมส่งมอบบริการแบบไร้สัมผัสให้แก่ลูกค้าทุกท่าน

ขณะนี้ ร้านทาโก้ เบลล์ ยังสามารถเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 21.00 น. สำหรับลูกค้าที่สั่งซึ้อกลับบ้าน โดยปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และมาตรการของจังหวัดชลบุรีอย่างเคร่งครัด และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม ข่าวสาร และโปรโมชั่นของ Taco Bell ได้ที่ Facebook: facebook.com/TacoBellTH, IG: @TacoBellTH, Twitter: @TacoBellTH และ Line: @TacoBellTH


ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทาโก้เบลล์ เพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ปั๊มคาลเท็กซ์ประชานุกูล(บจก.ซี.แทรคเอนเนอร์ยี่)และถือเป็นสาขาแรกที่ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมันเนื่องจากสถานีบริการน้ำมันแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักที่มีผู้สัญจรไปมาหนาแน่นมากในแต่ละวัน
ทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ที่จะต้องเดินทางไปทำงานในเขตอื่นๆ จึงคาดว่าจะมียอดการสั่งซื้อกลับบ้านเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ บริษัทฯ เห็นว่าทาโก้ เบลล์ สาขานี้มีศักยภาพที่จะเป็น "Delivery Hub"ในพื้นที่บริเวณแถบนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่โรคโควิด-19 (COVID-19)ยังคงแพร่ระบาด และผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารที่บ้าน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ยอดการสั่งดีลิเวอรีของทาโก้ เบลล์ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในปี2564 บริษัทฯ จึงได้วางเป้ายอดขายจากดีลิเวอรีให้เพิ่มขึ้นเป็น 25% ของยอดขายทั้งหมด
#2853


"ทานตะวันสีเพลิง" ละครโรแมนติกครบรสของค่ายปภัสราโปรดักชั่น ที่ผู้จัดฯ คนเก่ง กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์ คัดสรรและเจียระไนให้ละครเรื่องนี้สนุกสนาน ครบรส และยังสะท้อนถึงปัญหาสังคมครอบครัวได้เป็นอย่างดี!!!


นอกจากนำเสนอในเรื่องปัญหาครอบครัวแล้ว ยังนำเสนอเรื่องราวของความอิจฉาริษยา การเลือกทางเดินผิดผ่านตัวละคร ดวงแก้ว (อิงฟ้า เกตุคำ) ลูกสาว ป้าศรี (ปนัดดา โกมารทัต) แม่ครัวของรีสอร์ตทานตะวัน ที่อิจฉาเจ้าของรีสอร์ตอย่าง ทานตะวัน (ชิงชิง คริษฐา) อยากมีชีวิตเทียบเท่าจนไม่คิดถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง "ฆ่า" ผู้มีพระคุณ!!!


แต่ชีวิตไม่เป็นดังหวัง ด้วยความรักและความหึงหวง ทำให้ ดวงแก้ว ต้องถูกทำร้ายจาก ทัพไท (บิ๊ก กฤษฏา) ผู้ชายที่เธอคิดว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอดีขึ้น แต่เธอกลับเป็นได้แค่เพียง "แต้มหนึ่ง" ของเขาเท่านั้น


เรื่องราวดำเนินตอนที่ ดวงแก้ว แกล้งทำอาหารหกใส่ สายขวัญ (สกาย มาเรีย) และ สายขวัญ รู้ความจริงว่า ดวงแก้ว เป็นผู้หญิงของ ทัพไท (บิ๊ก กฤษฏา) ด้วยเหตุนี้ ทัพไท จึงทำร้าย ดวงแก้ว อย่างหนัก เพราะทำให้ผู้หญิงที่ตนหมายปองต้องหลุดมือไป


ฉากนี้ทีมงานใช้โลเกชั่น "วู้ดแลนด์เมืองไม้" จ.นครปฐม เป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยเซ็ทฉากที่ ทัพไท จิกหัว ดวงแก้ว มาที่หน้าห้อง และต่อว่าที่ทำให้ สายขวัญ หลุดมือ โดยมี ป้าศรี เดินตามมาจะช่วยลูก พร้อมด้วย สิงห์ (จุ๊บ อิทธิกร) และ เดือน (ปิยา พงศ์กุลภา) ผู้หญิงอีกคนของทัพไท แล้ว ทัพไท ก็พา ดวงแก้ว เข้าไปซ้อมในห้องอย่างโหดเหี้ยม


ผู้กำกับฯ จารึก สงวนพงศ์ ขอซ้อมคิวนักแสดงและคิวกล้องไปพร้อมๆ กัน หลังจากต่อบทกันเสร็จเรียบร้อย พอทุกอย่างพร้อม กล้องก็แพลนภาพแรกมาที่ หนุ่มบิ๊ก กำลังจิกหัวลาก อิงฟ้า มาหน้าห้อง จากนั้นนักแสดงก็ต่อไดอะล็อกกันไป จนถึง หนุ่มบิ๊ก พา อิงฟ้า เข้าห้อง และส่งเสียงประหนึ่งว่ากำลังทำร้าย ส่วน อิงฟ้า ก็ร้องด้วยอาการของคนที่กำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส โดยจบภาพที่ อิงฟ้า ที่บอบช้ำ เลือดกบปาก อยู่ในอ้อมกอดแม่ของเธอ!!!

ติดตามชมฉากนี้ได้ในละคร "ทานตะวันสีเพลิง" วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 และทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.45 น. และรีรันหลังเที่ยงคืน ทางช่อง 7HD กด 35 หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง BUGABOO.TV
#2854
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip lock ซิปล๊อค  ควบคุมน้ำหนัก กล่องละ 590 บาท เท่านั้น ของแท้ 100 %


การรับประทานอาหาร ในปริมาณที่มากเกินไปมักไม่ได้เกิดจากความหิว แต่เกิดจาก..."ความอยากอาหาร และการติดในรสชาติ"ส่งผลให้เกิดการรับประทานแบบไม่เลือกทั้งอาหารที่มีแป้งและไขมันสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่ปัญหา "น้ำหนักเกิน"  ไปจนกระทั่งการเป็น "โรคอ้วน"ด้วยความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเหล่านี้จึงเป็นที่มาของงานวิจัยทางคลินิคที่ได้ค้นพบสารสกัดเอกสิทธิ์ นวัตกรรมนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้" Yeast Extract Hydrolysate "ช่วย รูดซิป..ล็อคความอยากอาหาร ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รับประทานพร้อมด้วยสารสกัดที่เป็นสูตรเฉพาะ 15 ชนิดซึ่งทำหน้าที่ "บล็อก" การดูดซึมของแป้งและไขมันเข้าสู่ร่างกาย พร้อมส่งเสริมการเผาผลาญและสลายไขมันส่วนเกินรูปร่างดีได้...โดยไม่ต้องอดปิดซิปความอยากอาหารเปิดซิปกระตุ้นการเผาผลาญเต็มรูปแบบ" Zip you fat...Zip you body "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zipผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยาขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0083 สารสกัดจากส้มแดง 100 มกสารสกัดจากส้มซิตรัส ออรานเทียม 100 มกสารสกัดจากยีสต์ 80 มกแอล-ฟีนิลอะลามีน 50 มกผงน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 30 มกแอล-คาร์นิทีน 50 มกสารสกัดจากเจียวกู้หลาน 30 มกสารสกัดจากส้มแขก 30 มกL l-tyrosine 20 มกสารสกัดจากพริก 20 มกสารสกัดจากถั่วขาว 20 มกสารสกัดจากชาเขียว 20 มกสารสกัดจากพริกไทยดำ 12 มกสารสกัดจากเมล็ดกาแฟไม่คั่ว 7 มกโครเมียม พิโคลิเนต 1 มก

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อ
 ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

website  คลิก  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip lock ซิปล๊อค


     ***รับสมัครตัวแทนจำหน่าย***#รับตัวแทนไม่ต้องสต็อกสินค้า#สินค้าขายดี #zipyourfatzipyourbody #ziplock #zipwheyplus #zipwheyplus #zipwhey #theicongroup #ลดน้ำหนักแบบปลอดภัย #ลดไขมัน
#2855



รอยเตอร์ - ผู้อยู่อาศัยในนครโฮจิมินห์มากกว่า 10 ล้านคน จะต้องอยู่ภายใต้มาตรการเคอร์ฟิวในเวลากลางคืนอย่างเข้มงวดตั้งแต่วันนี้ (26) ความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพื่อควบคุมการติดเชื้อ ในขณะที่เวียดนามต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

หลังประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดในปีที่ผ่านมา ประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้กำลังเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ที่เป็นผลจากโควิดสายพันธุ์เดลตา

พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางภาคเหนือ และนครโฮจิมินห์ในภาคใต้ ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันมากกว่า 62,000 คน นับตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ทำให้เวลานี้เวียดนามมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมรวมทั้งสิ้น 101,000 คน

ทางการได้จำกัดการเคลื่อนไหวในศูนย์กลางเศรษฐกิจที่เคยคึกคักแห่งนี้มานานกว่า 2 เดือน และกำหนดมาตรการล็อกดาวน์ในต้นเดือน ก.ค. ซึ่งผู้อยู่อาศัยได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเฉพาะกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์และหาซื้ออาหารเท่านั้น

แต่ตั้งแต่วันจันทร์ (26) เป็นต้นไป คำสั่งอยู่กับบ้านที่เข้มงวดมากขึ้นนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 6.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะใช้คำว่าเคอร์ฟิว และยังไม่ได้ประกาศวันสิ้นสุดของการบังคับใช้มาตรการนี้

"การบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะต้องเพิ่มการลาดตระเวน และออกบทลงโทษที่เหมาะสมกับผู้กระทำความผิด แม้กระทั่งการควบคุมตัวในกรณีที่มีการต่อต้าน" นายกเทศมนตรีนครโฮจิมินห์ ระบุ

ทางการได้ระงับการขนส่งสาธารณะเกือบทั้งหมดที่เชื่อมกับนครโฮจิมินห์ และผู้เดินทางที่มีต้นทางมาจากนครโฮจิมินห์จะต้องพักอยู่ในศูนย์กักกันโรคเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์

ปัจจุบัน มากกว่า 1 ใน 3 ของประชากร 100 ล้านคนของประเทศอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งชาวกรุงฮานอยทางตอนเหนือของประเทศด้วย

และในวันนี้ (26) เจ้าหน้าที่ทหารได้ขับรถไปตามถนนสายสำคัญต่างๆ ทั่วเมือง และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อขณะขับผ่านอาคารประวัติศาสตร์และทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเจ้าหน้าที่ของกองทัพได้เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อจะดำเนินการต่อไปอีก 3 วัน

เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวในปีที่ผ่านมา เนื่องจากประสบความสำเร็จในการควบคุมเชื้อไวรัสระหว่างการระบาดระลอกแรก

แต่ประเทศกลับล่าช้าในการจัดหาและแจกจ่ายวัคซีน โดยมีวัคซีนเพียง 4.7 ล้านโดสที่ได้ฉีดให้ประชาชนไปแล้วจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ทางการเวียดนามระบุว่า พวกเขาหวังให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ภายในต้นปี 2565.
#2856


เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผู้หญิงเก่งมากความสามารถ ที่ควบตำแหน่งผู้บริหารได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ผ่านบททดสอบสุดหินจากบริษัทยักษ์ใหญ่แถวหน้าของเมืองไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกลายเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานรัฐ และกระทรวงต่างๆ สำหรับผู้บริหารคนเก่ง "คุณจิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ" อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานฝ่ายบริหารรัฐสัมพันธ์ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย)

ล่าสุดก้าวกระโดดสู่ความท้าท้ายไปอีกขั้น สู่เบื้องหลังดีลบริษัทข้ามชาติกับรัฐบาลไทย กับตำแหน่ง "ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายดูแลรัฐสัมพันธ์" ของ SAP บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลก แต่กว่าคุณจิระวรรณ จะมาอยู่บนเวทีระดับโลกได้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง จะน่าสนใจและให้แง่คิดมากมายแค่ไหน วันนี้ "เดลินิวส์ออนไลน์" มีคำตอบ ตามมาอ่านบนสัมภาษณ์กัน



กว่าจะมาเป็นผู้บริหารระดับสูงของลาซาด้า คุณจิระวรรณต้องผ่านบททดสอบอะไรบ้าง

"ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงที่มีอายุน้อยในตอนนั้น การที่เราจะได้รับการยอมรับ และได้รับมอบหมายในตำแหน่ง "รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานฝ่ายบริหารรัฐสัมพันธ์ " ของบริษัทลาซาด้า ซึ่งถือว่าเป็นคนแรกและคนเดียวของบริษัทที่เข้ามาดูแลประสานงานกับรัฐบาลโดยตรง ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ความรับผิดชอบหลักคือ การติดต่อ และประสานงาน รวมถึงทำโปรเจคท์ต่างๆ กับหน่วยงานรัฐ ซึ่งหน้าที่ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งจุดพิสูจน์ความสำเร็จ ทั้งบททดสอบในสถานการณ์ต่างๆ ทุกอย่างได้ทดสอบเรามาตลอดเวลา จนลาซาด้าทำให้เราเป็นที่รู้จักมากยึ่งขึ้นและลาซาด้าก็เป็นที่รู้จักในหน่วยงานรัฐต่างๆ มากขึ้นเช่นกัน 

ความท้าทายในการทำงาน

"สำหรับความท้าทายอย่างแรก คือ

1. ความเข้าใจของรัฐบาลที่มีต่อธุรกิจ E-Commerce ดังนั้น เราจึงต้องให้ความรู้ ความเข้าใจกับรัฐบาลก่อน

2. การประสานงานในบริษัทเพื่อให้การซื้อขายบน Platform ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเราต้องทำหน้าที่ในการประสานทั้งภาครัฐและบริษัท และด้วยในปัจจุบันการค้าขายแบบ E-Commerce นั้นก้าวกระโดดไปไกลมาก แต่กฎหมายไทยบางข้อยังไม่อัพเดท ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมากในการทำงานตรงนี้



จุดเริ่มต้นอะไรที่ทำให้ "คุณจิระวรรณ" ตัดสินใจก้าวกระโดดจากผู้บริหาร Lazada ไปที่ SAP บริษัท software ชั้นนำระดับโลก

"เรามองว่าบริษัท SAP เป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์ระดับองค์กรขนาดใหญ่และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในแทบทุกอุตสาหกรรมให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทุกวันนี้ SAP เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นอันดับ 3 ของโลก เรามีลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 440,000 ราย ลูกค้าของ SAP มีกระจายอยู่ในทุกอุตสาหกรรม และมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการเข้ามาทำงานที่ SAP เหมือนได้ก้าวไปอีกหนึ่งขั้นในชีวิตของการทำงาน ซึ่งเป็นการทำงานมาตรฐานระดับโลก

โดยเรามาทำงานที่นี่เป้าหมายคือ คือการนำนวัตกรรมทางดิจิทัลและประสบการณ์ของภาครัฐทั่วโลกจาก SAP มาช่วยเสริมสร้างศักยภาพของภาครัฐให้ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาวิกฤตการณ์ที่เกิดมากจากโควิท19 ซึ่งเป็นความท้าทายอันสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ของรัฐไทย"

การเริ่มต้นใหม่กับ "SAP" มองความท้าทายอย่างไรบ้าง

สิ่งที่ท้าทายกับการร่วมงานกับ SAP คือ

1. เราจะทำอย่างไรให้ภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยรู้จัก นวัตกรรมทางดิจิทัลสมัยใหม่ และใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของ SAP ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ     

ทั้งนี้แม้ว่า SAP จะอยู่คู่กับสังคมไทยมากว่า 26ปีแล้ว แต่เรายังเห็นโอกาสที่จะช่วยทางภาครัฐและเอกชนในการนำนวัตกรรมทางดิจิทัลมาใช้ เพื่อที่จะขับเคลื่อน นโยบาย ไทยแลนด์ 4.0ในหลายๆมิติ

2. การเปลี่ยนจากบริษัท e-commerce มาเป็นบริษัท software ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย เช่น เรื่องของกระบวนการภายในองค์กร โครงสร้างองค์กร กระบวนการต่างๆ การจัดการองค์กร ที่แตกต่างกัน เช่น ธุรกิจ E-Commerce ก็จะเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ในขณะที่ SAP ก็จะเคลื่อนตัวอย่างมั่นคง ระบบต่างๆ ก็จะต่างกัน นอกจากนี้การทำงานกับ ลาซาด้าจะอยู่ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอาลีบาบา เป็นบริษัทแม่ แต่ SAP มีเครือข่ายทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นเราก็ต้องทำงานทั้งในอเมริกาและยุโรปด้วย ซึ่งกระบวนการของที่นี่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างบุคลากรในบริษัทได้อย่างยอดเยี่ยม


เป็นผู้หญิงมาอยู่บริษัทชั้นนำระดับโลกเป็นไงบ้าง มีความกดดันอย่างไรบ้าง

"ส่วนตัวเรามองว่า บททดสอบก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์ตัวเราจนทำให้กลายเป็นที่ยอมรับต่อทุกคนหมดแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ในตอนนั้น ยังพ่วงตำแหน่ง เลขานุการคณะกรรมการกฎหมาย สมาคมประกันชีวิตแห่งประเทศไทย เป็นเวลา 8 ปี ซี่งตอนนั้นมีอายุเพียง 29 ปี และเมื่อมาทำงานที่ลาซาด้า เรายังเป็นประธานฝ่ายบริหารรัฐสัมพันธ์ คนแรกของลาซาด้าในเมืองไทยด้วย และปัจจุบันยังดำรงเป็นอนุญาโตตุลาการศาลยุติธรรมของประเทศไทย

สำหรับตอนนี้ เมื่อเราก้าวมาบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง SAP ที่มาพร้อมกับตำแหน่ง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายดูแลรัฐสัมพันธ์ เมื่อถามถึงความกดดันว่ามีมากไหม แน่นอนว่าต้องมากอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นผู้บริหารที่มีอายุน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้บริหารท่านอื่น แต่มั่นใจว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด


ส่วนตัวมักจะมองตัวเองเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอด พร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา ถามตัวเองเสมอว่าเราจะเรียนรู้อะไรดี ซึ่งเรามักจะต้องคอยหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ใช่ทุกวัน แต่เป็นทุกชั่วโมง ในเรื่องของดิจิทัล และซอฟต์แวร์เราต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อให้รู้เท่าทันสถานการณ์โลกที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดก็กลายเป็นสิ่งที่หลอมรวมเป็นตัวเราขึ้นมาได้ และพิสูจน์แล้วว่าเวทีระดับโลกแบบนี้ก็เหมาะสมกับผู้หญิงแบบเรา ซึ่งเราทำให้ลาซาด้ากลายเป็นที่ยอมรับของหลายๆ หน่วยงานรัฐ และเราก็มั่นใจว่า เราจะทำให้ SAP เป็นที่รู้จักของรัฐบาลและประยุกต์ใช้นวัตกรรมดิจิทัลมากขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืนได้เช่นกัน"

"คุณจิระวรรณ" ตั้งเป้าหมายจะบริหารไปรูปแบบไหน

"เป้าหมายหลักในการบริหาร SAP คือ อยากช่วยให้ภาครัฐและเอกชน เข้าใจนวัตกรรมดิจิทัลของ SAP และสามารถประยุกต์ใช้ให้มากที่สุด เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลนี้ในการขับเคลื่อนทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับประเทศไทยให้ก้าวทันโลก ทั้งนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมของภาครัฐและสังคมในการรองรับกับ New normal ในโลกยุคดิจิทัลที่เกิดมาจากวิกฤตการณ์การระบบของโควิท19  นี่เป็นเป้าหมายจริงๆ ของเราที่ตัดสินใจสินใจก้าวมายืนอยู่บริษัทชั้นนำระดับโลกแบบนี้"

มุมมองของตลาดซอฟแวร์โลก จะสามารถพัฒนาศักยภาพด้านใดให้หมาะสม ความคาดหวังในอนาคตจะพาบริษัท  SAP ไปในรูปแบบไหน

"SAP เรามีความชำนาญในทุกๆอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากประสบการณ์ที่อยู่กับสังคมไทยมากกว่า 26ปีนั้น ได้นำ Best Practice และ solution ที่ประสบความสำเร็จในหน่วยของภาครัฐทั่วทุกมุมโลก มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับนโยบายของรัฐและบริบทของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นระบบการบริหารทรัพยากรขององค์กร (ERP)  ระบบบัญชีการเงินและภาษี, ระบบบริหารงบประมาณ, ระบบบริหารทรัพยากรบุคคล, ระบบวางแผนการผลิต, ระบบบริหารสินค้าคงคลัง, ระบบจัดซื้อจัดจ้าง, ระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์กับภาคประชาชน และอื่นๆอีกมากมาย โดยผ่านการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลกของ SAP ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ปัญญาประดิษฐ์(AI) การสอนให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยการใช้ข้อมูลหรือ Machine Learning(ML), การทำ Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ผ่านระบบคลาวด์แพลทฟอร์มของเรา

เพราะฉะนั้นทุกองค์กรทุกระดับไม่ว่าจะเล็ก กลางใหญ่ สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลที่ได้การยอมรับทั่วโลกได้โดยง่ายและอย่างทันท่วงที ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ของประเทศที่เราต้องแข่งกับเวลาในการแก้ปัญหา ส่วนในตัวของเราอยากที่จะโฟกัสเฉพาะรัฐบาล เพราะอย่างเราทราบกันดี ในเรื่องของระบบการบริการจัดการต่างๆของทางภาครัฐนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องปรับปรุงโดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลเป็นอย่างมากเพื่อให้รัฐบาลสามารถให้บริการประชาชนในรูปแบบดิจิทัลหรือeservices ที่เข้าถึงกับประชาชนได้เร็วและง่ายและมีประสิทธิภาพ เราเล็งเห็นความสำคัญตรงนี้ จึงตั้งใจที่อยากจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้กับทุกกระทรวง ทบวง กรม และทุกองค์กรของภาครัฐ เพื่อพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนพร้อมแข่งขันในเวทีโลก

ซึ่งถ้าซอฟต์แวร์ที่เป็นฟันเฟืองหลักของการเข้าสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทยยังไม่มีศักยภาพ มันจะไม่มีทางเลยที่ประเทศไทยของเราจะแข่งขันในเวทีกับระดับโลก เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของ SAP จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวไปสุ่จุดนี้ได้ และไม่ใช่เพียงภาครัฐเท่านั้น ยังรวมไปถึงภาคเอกชนต่างๆอีกด้วย

เพียงแต่ว่าถ้าเรามีโอกาสในการนำเสนอคุญค่าในการนำนวัตกรรมและประสบการณ์ของทาง SAP ต่อหน่วยงานของภาครัฐ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าทางภาครัฐจะเห็นความสำคัญและคุณค่า และให้ SAP มีส่วนร่วมในการผลักดันนโยบายต่างๆของภาครัฐมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ"


เรามองจุดที่เราอยู่ตรงนี้ เรียกว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง และจุดไหนที่เรามองว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว

"เรียกได้เราประสบความสำเร็จแค่ระดับนึงนะ เรายังพร้อมที่จะก้าวไปอีกขั้นเสมอ พร้อมที่จะเรียนรู้กับสิ่งใหม่ เช่นตอนนี้ได้เข้ามาทำงานกับ SAP ก็ได้เรียนรู้ระบบคลาวด์ และ success stories ของหน่วยงานรัฐทั้งในภูมิภาคนี้และในประเทศอื่นๆทั่วโลก ซึ่งตรงนี้เองเรามองว่าการเรียนรู้เป็นอะไรที่ไม่สิ้นสุด และอีกสิ่งที่อยากจะทำ คือ เราอยากจะใช้ความรู้ทั้งหมดที่เรามีใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม เรามั่นใจว่า SAP จะช่วย ขีดความสามารถของการบริหารจัดการทั้งหมดของภาครัฐบาล และภาคเอกชนได้อย่างแท้จริง สามารถช่วยลดทั้งต้นทุน และเวลา และความรวดเร็วในการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมทั้งก้าวไปสู่ระบบดิจิทัลให้ทันกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเรามองว่าถ้าเราไปเป้าหมายเหล่านี้ได้ นั้นแหละคืออีกหนึ่งความสำเร็จของเรา"



สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่ "คุณจิระวรรณ" ต้องพบเจอในตอนนี้ มีผลกระทบต่อการทำงานอย่างไรบ้าง และจะแก้ไขปัญหาอย่างไร

"ถ้าถามว่ากระทบไหม ตอบได้เลยว่ากระทบแน่นอน อย่างตอนนี้กลายเป็นว่าทุกคนต้องทำงานที่บ้าน โควิด-19 เปลี่ยนโลกเราให้กลายเป็นยุคนิวนอมอล(New Normal) ผ่านการใช้ดิจิทัลและเทคโนโลยีอย่างแท้จริง หลายๆ คนก็เริ่มจะศึกษาระบบคลาวด์ การปกป้องข้อมูลทาง internet ส่วนผลกระทบเรื่องของเศรษฐกิจก็มีคนพูดไปเยอะแล้ว เรามองว่าทุกคนควรที่จะหันมามองว่า เราควรจะมีระบบอะไรเพื่อจะช่วยให้ธุรกิจเราสามารถเติบโตได้มากขึ้นทันทีที่โควิด-19 หายไป เราเชื่อว่านวัตกรรมของ SAP จะช่วยบริษัท หรือรัฐบาลให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม เราจะไม่กลับมาสู่สิ่งนี้อีกแล้ว ภายใต้การเรียนรู้ในที่สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว"

"สำหรับการบริหารจัดการในยุคนี้เรามองว่าพอมันเป็นยุคดิจิทัล 4.0 สิ่งที่สำคัญของบริษัททุกบริษัทนั้นก็คือ ดิจิทัลแพลทฟอร์ม เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่มีรากฐานที่ดี ไม่มีเครื่องมือ คุณจะไม่สามารถไปต่อสู้กับใครได้เลย ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาล และคนไทย ควรจะหันมามองได้แล้วว่า จริงๆ แล้ว ระบบหลังบ้านเราอะไรที่ควรจะซ่อมแซมได้บ้าง แล้วอะไรที่เราควรจะพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ใช้อดีตที่ผ่านมามองเป็นบทเรียน เพื่อให้เราสามารถป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากอีก 10 ปีข้างเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เราก็จะสามารถบริหารจัดการ รับมือได้ดีและรวดเร็วมากขึ้น สุดท้ายเรายังคงมองว่าดิจิทัลแพลทฟอร์มเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะบริหารจัดการระบบหลังบ้านที่ทุกคนจะต้องมี และหันมาตระหนักถึงได้แล้ว".. คุณจิระวรรณ กล่าวทิ้งท้าย... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/89889/
#2857


มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 กรณีเงินเยียวยา สำหรับ แรงงาน 9 กลุ่มอาชีพ ใน 13 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ที่ประกาศ ล็อกดาวน์ โดยประกันสังคม เปิดลงทะเบียนผ่าน www.sso.go.th ล่าสุด ได้มีรายละเอียดของการจ่ายเงินเยียวยาให้กับกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 39 และ 40 ออกมาแล้วว่าระบบจะโอนเงินเข้าวันไหน

สำหรับรายละเอียดสำคัญในการรับเงินเยียวยานั้น ผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยาผ่านช่องทางออนไลน์ได้ คลิกที่นี่ ขณะที่ กลุ่มผู้ประกันตน ม.39 ม.40 ยังไม่เปิดตรวจสอบสิทธิผ่านออนไลน์

ยิ่งไปกว่านั้น ต้องไม่ลืมว่า หากได้รับสิทธิ ต้องผูกพร้อมเพย์ กับบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประชาชน เพื่อรับการโอนเงิน


รายละเอียดหลักเกณฑ์ และช่วงเวลาของการจ่ายเงินเยียวยา ประกันสังคม ผู้ประกันตนมาตรา 33

กลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 39 และ 40 นั้น จะมีรายละเอียด ตลอดจนหลักเกณฑ์ในการรับเงินเยียวยาจากประกันสังคมในกรณีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แตกต่างกันไป ดังนี้ 

กลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 33 มีเงื่อนไข และหลักเกณฑ์การรับเงินเยียวยา จากประกันสังคม คือ 

ผู้ประกันตน มาตรา 33  ใน 9 กิจการ 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มที่ถูกล็อกดาวน์ช่วงแรก ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร  นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา จะได้รับเงินเยียวยาในวันที่ 6 สิงหาคม 2564 สามารถตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ใน 9 ประเภทกิจการ ได้ที่ www.sso.go.th 

ผู้ประกันตน มาตรา 33 ใน 3 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ที่ประกาศล็อกดาวน์เพิ่มเติม คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ได้รับเงินเยียวยาภายในเดือน สิงหาคม 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

สมัคร 'ประกันสังคม ม.40' ได้สิทธิอะไรบ้าง แล้วจะเสียสิทธิ 'บัตรทอง' ไหม?
เช็คสิทธิ์เยียวยา 'ประกันสังคม มาตรา 33' บางคน 'ไม่ได้รับสิทธิ' เป็นเพราะอะไร?
'ประกันสังคม' ม.33 ม.39 ม.40 www.sso.go.th เช็ควิธีผูกพร้อมเพย์รับเงินเยียวยา


ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ทะลุหมื่นห้า! พบเสียชีวิต 129 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 15,335 ราย
'ประกันสังคม' ผู้ประกันตนมาตรา 33 39 40 สรุปรายละเอียดรับ 'เงินเยียวยา' วันไหน
เปิดแผนจัดสรรวัคซีน 13ล้านโดสเดือนสิงหาคมใครได้ฉีดบ้าง

รายละเอียดหลักเกณฑ์ และช่วงเวลาของการจ่ายเงินเยียวยา ประกันสังคม ผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40


กลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 39 และ กลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 40 มีเงื่อนไข และหลักเกณฑ์การรับเงินเยียวยา จากประกันสังคม คือ  

กลุ่มนี้ ผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ประกันตนในมาตรา 39 และ 40 ก่อนวันที่ 28 มิ.ย. 2564 ให้รีบสมัครภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 กับสำนักงานประกันสังคม เพื่อให้สามารถได้รับความช่วยเหลือในอัตรา 5,000 บาทจำนวน 1 เดือน สามารถลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้ คลิกที่นี่ ซึ่งกลุ่มนี้ยังไม่สรุปจะโอนเงินเมื่อไร ต้องรอลงทะเบียนให้ครบก่อน 
ช่องทางการรับเงินเยียวยาประกันสังคม

ผ่านระบบพร้อมเพย์
วิธีการและช่องทางการลงทะเบียนของแต่ละธนาคาร ตามลิงก์ต่อไปนี้ ธนาคารกรุงเทพ คลิกที่นี่ธนาคารกรุงไทย คลิกที่นี่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คลิกที่นี่ธนาคารกสิกรไทย คลิกที่นี่ธนาคารไทยพาณิชย์ คลิกที่นี่ธนาคารออมสิน คลิกที่นี่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย คลิกที่นี่ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต คลิกที่นี่ธนาคารทิสโก้ คลิกที่นี่ธนาคารไทยเครดิต คลิกที่นี่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร คลิกที่นี่ธนาคารยูโอบี คลิกที่นี่ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ คลิกที่นี่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คลิกที่นี่ธนาคารอิสลาม คลิกที่นี่
#2858


น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมหารือการออกมาตรการ ลดภาระค่าใช้จ่าย ด้านการศึกษา เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา

 4 มาตรการช่วยเหลือ 'ลดภาระค่าใช้จ่าย'ผู้ปกครอง

กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เสนอ 4 มาตรการ ดังนี้ 

มาตรการที่ 1 การให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา โดยเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา ในวัยเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งสายสามัญศึกษาและสายอาชีพ ในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน รวมประมาณ 10.8 ล้านคน ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน รวมเป็นเงินประมาณ 21,600 ล้านบาท โดยใช้ฐานข้อมูลเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งเงินนี้เป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายในการเรียนที่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 ใช้วิธีการจ่ายเงินตรงให้ผู้ปกครองนำไปใช้ตามความจำเป็น เช่น ค่าธรรมเนียมการเรียน ค่าบำรุงการศึกษา ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าไฟฟ้า เป็นต้น

ตั้งศูนย์ประสาน แก้ปัญหา'ค่าใช้จ่าย'ผู้ปกครองรร.เอกชน
มาตรการที่ 2 เป็นการขอความร่วมมือจากโรงเรียนเอกชนให้ลด หรือ ตรึงค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจาก ผู้ปกครอง ในโรงเรียนเอกชนกลุ่มที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ให้เท่ากับปีการศึกษา 2563 เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร

พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองใน โรงเรียนเอกชน ทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อพิจารณาสั่งการเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตามหลังจาก ศธ.ได้ออกประกาศแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ปีการศึกษา 2564 ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัด หรือ ในกำกับของ ศธ. ถือปฏิบัติไปแล้ว นั้น

จนถึงขณะนี้มีโรงเรียนเอกชนในสังกัด สช.คืนเงิน ค่าธรรมเนียม การเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นแก่ผู้ปกครองแล้วกว่า 2,275 ล้านบาทเศษ บางแห่งให้ผู้ปกครองผ่อนชำระค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น โดยมีระยะปลอดดอกเบี้ยตลอดปีการศึกษา และบางโรงเรียนสนับสนุนค่าอินเทอร์เน็ตแก่นักเรียน อย่างน้อย 1 เดือน ขณะเดียวกันในส่วน สถานศึกษาของรัฐ ก็ได้มีการคืนเงินค่าบำรุงการศึกษาบางส่วน และ คืนเงินค่ากิจกรรมที่ไม่ได้จัดให้นักเรียนแก่ผู้ปกครองไปแล้วเช่นกัน

ลดช่องว่างการเรียนรู้ จัดสรรค่าใช้จ่ายให้สถานศึกษา
มาตรการที่ 3 เป็นการลดช่องว่างการเรียนรู้ (Learning Gaps) และลดผลกระทบด้านความรู้ ที่ขาดหายไป (Learning Loss) โดยให้สถานศึกษาสามารถจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ใน 5 รายการ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดใน ปีการศึกษา 2564 ได้

จัดสรรค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้สถานศึกษาอีกส่วนหนึ่ง เพื่อใช้จัดการเรียนรู้และแก้ ปัญหาความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของ สถานศึกษา และจัดทําสื่ออุปกรณ์การเรียนรู้หลากหลายที่เหมาะสมกับวัย ลดการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์โดยเฉพาะกลุ่มผู้เรียน อนุบาล-ป.3 ขณะเดียวกัน ศธ.จะจัดเช่าอุปกรณ์ (Devices) พร้อมสัญญาน จํานวน 200,000 ชุด สําหรับให้นักเรียน/นักศึกษา กลุ่ม ป.4 - ม.6 และ อาชีวศึกษา ใช้ยืมเรียน รองรับการเรียนแบบออนไลน์

น.ส.ตรีนุช กล่าวด้วยว่า มาตรการที่ 4 เป็นการช่วยเหลือผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างงาน โดยจะมีการจัดฝึกอบรมด้านอาชีพสําหรับผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการอบรมฟรีรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน พร้อมทั้งประสานเชื่อมโยงกับแหล่งทุนเพื่อจัดหาทุนเริ่มต้นประกอบอาชีพ ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 27 ก.ค.นี้ ศธ.จะนำ 4 มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป.
#2859

วันที่ 24 ก.ค. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงกรณีที่ประชาชนร้องเรียนเรื่องการติดต่อเบอร์สายด่วน เพื่อเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยโควิดที่ต้องรอสายนานและยังมีค่าใช้จ่ายในการโทร ว่า ตนได้ประสานขอความอนุเคราะห์ ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้พิจารณาขอความร่วมมือเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ หรือ Operator ยกเว้นค่าบริการสำหรับการใช้บริการสายด่วนขอคำปรึกษา และประสานขอเตียงสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และเลขหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งค่าบริการข้อความสั้นหรือ SMS สำหรับระบบบริหารจัดการผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้าน


นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้รับการประสานตอบรับการช่วยเหลือยกเว้นค่าบริการสายด่วน เกี่ยวกับโควิดจาก กสทช.และเครือข่ายมาแล้ว ประกอบด้วย บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)หรือ NT เครือข่าย AIS ,True และ Dtac โดยจะเริ่มยกเว้นค่าบริการสายด่วน ให้โทรฟรีได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป  เนื่องจากบางเครือข่ายยังอยู่ระหว่างทยอยเปิดระบบให้ โดยสายด่วนของหน่วยงานรัฐ เพื่อรองรับการให้บริการข้อมูล ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ ให้คำปรึกษาแนะนำและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ การหาเตียงสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด มีจำนวน 8 หมายเลขสายด่วน คือ 1330, 1323, 1422, 1442, 1646, 1668, 1669 และ1506 เพื่อให้การดูแลป้องกัน แจ้งเตือนและให้ความช่วยเหลือประชาชน ในภาวะสถานการณ์ที่ฉุกเฉินและเร่งด่วน


ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายให้จัดทำระบบบริหารจัดการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) โดยมอบหมายให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นผู้ดำเนินการในเรื่อง SMS Gateway สำหรับส่ง OTP ไปยังผู้ป่วยเพื่อใช้สำหรับการยืนยันตัวตนบนระบบออนไลน์ และเพื่อให้แพทย์สามารถติดต่อกับผู้ป่วยได้โดยสะดวกและไม่ผิดคน

"ส่วนที่ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้รับการยกเว้นค่าโทรฯ เนื่องจากต้นสังกัดแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบสายด่วนไม่ทำเรื่องขอความอนุเคราะห์ไปยังกสทช. กระทรวงดิจิทัลฯ จึงเห็นควรว่าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนและผู้ป่วยโควิดในขณะนี้ จึงได้ประสานไปยังกสทช.เพื่อขอความอนุเคราะห์ดังกล่าว โดยต้องขอขอบคุณไปยังกสทช.และบริษัทเครือข่ายผู้ให้บริการทุกค่ายที่ร่วมกันช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์วิกฤตโควิดในครั้งนี้ด้วย"นายชัยวุฒิกล่าว
#2860
ทำไมคนทั่วโลกที่นิยม Zoom Download

ในตอนนี้ผู้เขียนยังอยู่ในสถานการณ์โรค COVID-19 ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องเรียน และ ทำงานผ่านระบบออนไลน์ หรือคำยอดฮิตคือ work from home นั่นเอง ขอเรียกสั้นๆว่า WFH นะครับ
การ WFH นั้นต้องทำอย่างไร และ ง่ายหรือเปล่า ผู้เขียนจะมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันครับ ซึ่งการที่เราจะ WFH ได้นั้น จะต้องมีองค์ประกอบดังนี้ คือ 

1.    อินเตอร์เน็ตที่ความเร็ว อย่างต่ำ 2M ขึ้นไป
2.    กล้อง Webcam ความละเอียดอย่างน้อย Full HD 1080 P
3.    ไมค์ พร้อม ลำโพง หรือ หูฟัง
4.    โปรแกรมสำหรับการเรียนหรือ ประชุมออน์ไลน์

ในทีนี้ ผู้เขียน จะมาเล่าและแนะนำเกี่ยวกับโปรแกรมสำหรับ WFH ที่คนทั่วโลกนิยมใช้ในตอนนี้ คือ โปรแกรม ZOOM
ซึ่งในรายละเอียดเชิงลึกคือ Zoom Meeting ซึ่งสามารถดาวน์โหลดและลงโปรแกรมได้หลายอุปกรณ์มากๆ เช่น
คอมพิวเตอร์  , โน้ตบุ๊ก , มือถือ และ แทปเล็ต  โดยเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่เว็ปไซด์ zoom.us  และไปที่เมนู  Zoom download  จากนั้นหากเสร็จแล้วก็เข้าไปที่เมนู Zoom join เพื่อลงทะเบียนและเข้าใช้งานได้เลยครับ ซึ่งเป็นโปรแกรมใช้งานง่ายมาก มีคนสอนการใช้งานหลากหลายคนเลย 

อีกเรื่องนึง โปรแกรม Zoom นั้นใช้แบนด์วิท (Bandwidth) เรื่องอินเตอร์เน็ตต่ำมากทำให้การค้าง หรือ แลคนั้นน้อยมากๆ จึงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้คนใช้งานมากมาย

Zoom meeting